สภาพอากาศแปรปรวนไปทั่วโลก บ้านเราเองก็หนีไม่พ้น จากที่อากาศร้อนอยู่แล้ว ร้อนนนนน จนแทบไม่อยากสวมเสื้อผ้า (ถ้าไม่กลัวโป๊) เนื่องจากพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้ จึงจะมาชวนกันช่วยลด Fast Fashion ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการหันมาช้อปเสื้อผ้ามือสองค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยซื้อผ้ามือสองอย่าเพิ่งเบนหน้าเลยนะ เพราะผ้ามือสองไม่จำเป็นต้องคุณภาพแย่ หรือเป็นของที่น่ารังเกียจอะไรเลย แต่เป็นการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรที่ดี แถมช่วยรักษ์โลกอีกด้วยค่ะ และเรามีทริคซื้อผ้ามือสองให้ได้ผ้ามีคุณภาพดี คุ้มค่าคุ้มราคา มาฝากค่ะ 

ทริคซื้อเสื้อผ้ามือสองให้ได้คุณภาพดี 

1. เช็กคราบสกปรก 

สิ่งแรกที่ต้องทำในการเลือกซื้อผ้ามือสองเลยคือ ทำตัวเป็นนักสืบค่ะ หารอยคราบสกปรกต่าง ๆ บนเนื้อผ้ามีตรงไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรอยเลอะ คราบหมึก คราบสีตกใส่ พลิกทุกซอกทุกมุม เหมือนว่าเรากำลังใช้แว่นนักสืบหาร่องรอยยังไงยังงั้น หากเจอคราบแล้วให้เช็กว่าเป็นคราบอะไร ซักออกไหม แก้ไขยังไงได้บ้าง หากเป็นรอยคราบที่สามารถซักหรือแก้ไขได้และรู้สึกชอบเสื้อผ้าตัวนั้น ให้ลองสวมทับหรือทาบผ้าว่าใส่ได้ไหม หากใส่ได้ ก็ซื้อได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นคราบที่ซักไม่ออกแต่ตัดใจไม่ได้ ให้ลองคิดว่าแก้ไขยังไงได้บ้าง เช่น ตัดรอยคราบแล้วตกแต่งใหม่ หาของกระจุกกระจิกมาเย็บติดได้ไหม ถ้าคิดว่าสามารถทำได้ ก็สอยผ้าตัวนั้นมาเลยค่ะ

2. เช็กรอยขาด ชำรุด

เหมือนข้อแรกที่เช็กหารอยคราบสกปรกเลยค่ะ สวมเป็นนักสืบ หารอยขาด รอยชำรุดให้ทุกซอกทุกมุม เพราะผ้ามือสองบางตัวอาจมีรอยขาด และชำรุดในส่วนต่าง ๆ เช่น รอยกรรไกร รอยผ้าฉีกขาด กระดุมชำรุด ซิปแตก ให้ดูว่ารอยขาดหรือชำรุดเหล่านั้นมันเล็กน้อยหรือมากแค่ไหน สามารถแก้ไขได้ไหม หรือสามารถรับได้ เพราะสามารถนำมาแก้ไข ตัดเย็บ ซ่อมปะเองได้ หรืออาจมีไอเดียตกแต่งใหม่ไปเลย ก็จะได้ผ้าเก๋ ๆ ไม่เหมือนใคร แต่ถ้าผ้าที่ไม่มีรอยขาดหรือชำรุดเลย ถือว่าโชคดีสุด ๆ 

3. เช็กซิปและกระดุม 

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อหรือกางเกงแบบมีกระดุมหรือซิป ให้ตรวจสอบกระดุมว่าแตกหักหรือชำรุด หลุดหาย หรืออยู่ครบไหม หากมีไม่ครบ มีกระดุมสำรองแถมอยู่ด้านในไหม ซิปสามารถรูดได้ปกติไหม หรือหัวซิปแตกหักหายไปครึ่งเสี้ยว หากเช็กแล้วพบว่าชำรุด แตกหัก แต่เป็นผ้าที่ชอบและถูกใจ อาจแก้ไขด้วยการหาซื้อกระดุม หรือหัวซิปเปลี่ยนใหม่หมด เดี๋ยวนี้ร้านรับซ่อมเสื้อผ้าเล็ก ๆ ราคาไม่แรง หาได้ไม่ยาก หรือถ้าใครมีฝีมือเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง ยิ่งสบายเลย 

4. เช็กสี ด้าย และตะเข็บผ้า

สีซีด เป็นอีกปัญหาของเสื้อผ้ามือสองส่วนใหญ่ เนื่องจากผ่านการใช้งาน บางตัวก็ใช้งานมานานกว่าจะนำมาขายต่อ บางตัวอาจเป็นเสื้อผ้าผ่านมือสอง มือสาม มือสี่ ทำให้สีเดิมของเนื้อผ้าซีดเซียว เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นผ้าเก่า รวมไปถึงเส้นด้ายและตะเข็บผ้าที่อาจมีการหลุดรุ่ย ไม่เป็นระเบียบ หรือเปื่อยยุ่ย เนื่องจากผ่านการซักมาหลายร้อยรอบ หากเช็กแล้วคิดว่ารับได้ ก็อาจซ่อมแซมในส่วนของการจัดระเบียบเส้นด้ายและตะเข็บผ้าใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม แต่ถ้าไม่อยากจ่ายค่าแก้ไขเหล่านั้น ก็ตัดใจไปเลยค่ะ 

5. เช็กคุณภาพเนื้อผ้า 

เสื้อผ้ามือสองหลายตัวที่ยังมีคุณภาพเนื้อผ้าดีมาก เพราะผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แต่ก็มีไมน้อยเหมือนกันที่เนื้อผ้าอาจเปื่อยยุ่ยพอสมควร เพราะผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน และอาจมีการส่งต่อมรดกมามากกว่ามือสอง หรือผ้าใส่มานานหลายปีกว่าจะนำมาทอดตลาดขายต่อ ทำให้เนื้อผ้ามีความเปื่อย หรือเนื้อผ้าเสื่อมสภาพ ผ้าย้วย ขาดง่าย เมื่อจะเช็กสภาพเนื้อผ้า อย่าพยายามดึงผ้านะคะ เพราะหากดึงผ้าแล้วขาด อาจต้องรับผิดชอบผ้าตัวนั้นทันที แต่ให้ใช้มือสัมผัสเนื้อผ้าตลอดผืนแล้วสังเกตว่าเนื้อผ้าเหมือนกันไหม หากเหมือนกันหมดถือว่าโอเค แต่ถ้าเนื้อผ้าบางส่วนมันเปื่อย อย่าฝืนเลยค่ะ ถึงจะสวยถูกใจ แต่ได้มาแล้วใส่ไม่กี่ทีผ้าขาดจนซ่อมไม่ได้ ดีไม่ดี กลับมาบ้านแล้วลองปุ๊บ ขาดปั๊บ ไม่คุ้ม 

อย่าลืมซักก่อนใส่

เมื่อได้เสื้อผ้ามือสองถูกใจแล้ว ต้องนำไปซักก่อนและทำความสะอาดให้ดีก่อนนำมาใส่นะคะ และไม่ควรลองเสื้อผ้าทันทีหากยังไม่ได้ทำความสะอาดซ้ำเสียก่อน ไม่ว่าจะซื้อเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ หรือการไปเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสองจากร้านก็ตาม 

วิธีซักผ้ามือสอง

นำเสื้อผ้ามือสองแช่น้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อย 30 นาที ก่อนซักตามปกติ แล้วจึงใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม และนำไปตากแดดให้แห้ง โดยจะต้องให้โดนแดดหรือไอแดด เพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรคที่อาจหลงเหลืออยู่ในเนื้อผ้าซ้ำอีกที เพียงเท่านี้ก็จะได้เสื้อผ้ามือสองสภาพดีมาใช้ในราคาประหยัดแล้วค่ะ